#เดย์ไทม์นิวส์ออนไลน์ กรมธนารักษ์เดินหน้าตรวจสภาพอาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวาณิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว ตามโครงการพัฒนาอาคารราชพัสดุทรงคุณค่า พร้อมทั้งเร่งรัดการเปิดประมูล

#เดย์ไทม์นิวส์ออนไลน์

กรมธนารักษ์เดินหน้าตรวจสภาพอาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวาณิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว ตามโครงการพัฒนาอาคารราชพัสดุทรงคุณค่า พร้อมทั้งเร่งรัดการเปิดประมูล

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงพื้นที่ตรวจสภาพอาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวาณิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว อาคารที่ปลูกสร้างบนที่ดินราชพัสดุ แขวง-เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เนื้อที่ตามสภาพครอบครอง 2 ไร่ 155 ตารางวา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.พ. 64) ณ แปลงที่ราชพัสดุหมายเลขทะเบียนที่ กท.0580

โดยอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์มีนโบายในการนำอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นที่ราชพัสดุในลักษณะที่ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม หรือสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ มาจัดทำฐานข้อมูล เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย ตลอดจนหาแนวทางในการอนุรักษ์ และพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ อาคารราชพัสดบ้านพระประเสริฐวาณิช (เขียว) หรือ อาคารวังค้างคาว ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ราชพัสดุที่มีลักษณะยังทรงคุณค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ โดยอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของพระประเสริฐวานิช (เจ้าสัวเขียว เหล่าประเสริฐ) จากหลักฐานตามโฉนดที่ดินเลขที่ 999
ออกเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2495

ต่อมาบ้าน และที่ดินตกเป็นของนายเว้น ผู้เป็นบุตรชาย ก่อนที่จะบริจาคให้กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2464 ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2450 – 2460 ได้ให้บริษัท หลักสุงเฮง ของนายเหียกวงเอี่ยม อดีตประธานหอการค้าไทย – จีน เช่าอาคาร และพื้นที่เป็นสำนักงานเพื่อทำเป็นท่าเรือของบริษัทฯ ซึ่งดำเนินกิจการรับส่งสินค้าทางเรือ จากนั้น ห้างฮั่วจั่วจั่น ได้มาขอเช่าต่อ โดยใช้พื้นที่ใต้ตึกเป็นที่เก็บสินค้า เมื่อเลิกเช่าแล้วตัวอาคารจึงถูกปิดร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มาหลายสิบปี

จึงทำให้มีค้างคาวเข้ามาทำรัง และอาศัยอยู่บริเวณใต้ตึกป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนเรียกอาคารเก่าหลังนี้ว่า “วังค้างคาว” ซึ่งลักษณะของอาคาร เป็นเก๋งจีน 2 ชั้น จำนวน 2 หลัง ตั้งขนานกัน หันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีระเบียงเชื่อมถึงกัน ล้อมลานโล่งตรงกลางไว้พื้นที่ตรงกลางด้านล่างอาคารเป็นลานโล่งขนาดใหญ่ และพื้นที่บริเวณใต้ถุนอาคารถูกแบ่งเป็นสัดส่วนทั้งสองฝั่ง เพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่เก็บสินค้า สำหรับอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้อง หน้าจั่วปูนปั้น สร้างในรัชสมัยรัชกาลที่5 ซึ่งในปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นบัญชีให้อาคารราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวาณิช (เขียว) หรือวังค้างคาว เป็นโบราณสถาน ตามราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 เพื่อเป็นการอนุรักษ์อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างในที่ราชพัสดุที่มีลักษณะยังทรคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม หรือสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ เพื่อพัฒนาที่ราชพัสดุให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยกรมธนารักษ์จึงมีนโยบายที่จะเปิดประมูลสิทธิการเช่าอาคาร
ราชพัสดุบ้านพระประเสริฐวณิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว ปลูกสร้างบนที่ดินราชพัสดุ และประมูลพัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อปลูกสร้างอาคารในแปลงที่ยกกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงการคลัง ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ราชพัสดุ เพื่อจัดทำผังประมูล และอยู่ระหว่างการประสานกรมศิลปากร เพื่อกำหนดรูปแบบในการพัฒนา โดยคาดว่า
จะสามารถเปิดประมูลได้ภายในเดือนเมษายน 2564

ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเดินหน้าโครงการพัฒนาอาคารราชพัสดุทรงคุณค่าให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งแต่ละโครงการก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก เช่น อาคารราชพัสดุแปลงบ้านพระประเสริฐวาณิช (เขียว) หรือ วังค้างคาว เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร
ที่อยู่ระหว่างการรังวัดตรวจสอบแนวเขต และหารือกับกรมศิลปากรเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาอาคารบ้านพายัพ
เขตพระนคร กรุงเทพฯ ที่เปิดประมูลแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาผลการคัดเลือกผู้ประมูล โดยกรมธนารักษ์จะได้รับค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าขั้นต่ำ เป็นเงิน 1,745,460 บาท ค่าเช่าในอัตราเดือนละ
57,273 บาท หรือปีละ 687,276 บาท รวมระยะเวลา 5 ปี เป็นเงิน 3,436,380 บาท และอาคารบ้านขุนพิทักษ์บริหาร (บ้านเขียว) อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ระหว่างกรมศิลปากรกำหนดรูปแบบในการประมูลพัฒนา เป็นต้น โดยโครงการดังกล่าวนอกจากจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งเสริมการ
อนุรักษ์อาคารที่ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม หรือสถาปัตยกรรมให้คงอยู่สืบไปด้วย

Cr:กฤษติน-บดินทร์ นิลมานนท์
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

เดชา  อุ่นขาว  ข่าว”เดย์ไทม์นิวส์ออนไลน์”รายงาน

Related posts